ส่องแฟชั่นถุงเท้า “เศรษฐา” พบปูตินใส่สีชมพูสด เข้าเฝ้าเจ้าชายซาอุฯ ใส่สีแดงแปร๊ด

ส่องแฟชั่นถุงเท้า “เศรษฐา” พบปูตินใส่สีชมพูสด เข้าเฝ้าเจ้าชายซาอุฯ ใส่สีแดง แต่ละวันโดดเด่นจนเป็นดราม่า

กลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างมากเลยทีเดียว หลังมีการเผยแพร่ภาพ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้พบปะกับนายวลาดิมีร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ที่กรุงปักกิ่งของจีน เมื่อวันอังคาร (17 ต.ค.) การพบปะครั้งนี้มีการพูดคุยหลายเรื่อง หนึ่งในนั้น คือ การเพิ่มความร่วมมือในด้านต่างๆ ระหว่างไทยและรัสเซีย ทั้งด้านการค้า วัฒนธรรม และการท่องเที่ยว

ประเด็นนี้น่าสนใจอย่างมาก แต่ก็มีอีกอย่างที่ชาวเน็ตโดยเฉพาะในต่างประเทศโฟกัสไม่น้อยไปกว่ากัน ก็คือ ถุงเท้าของนายเศรษฐา ที่สีสันโดดเด่นสะดุดตาออกมาท่ามกลางสูทสีกรมท่าและรองเท้าสีดำ

ซึ่งต่อมา (20 ต.ค.) นายเศรษฐา ทวีสิน ได้เข้าเฝ้าฯ เจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อาล ซะอูด มกุฎราชกุมาร และนายกรัฐมนตรีซาอุดีอาระเบีย ในโอกาสการหารือทวิภาคี ระหว่างการเข้าร่วมการประชุม ASEAN – GCC Summit ซึ่งพบว่า นายเศรษฐา สวมใส่ถุงเท้าสีแดงโดดเด่น ขณะที่ใส่สูทและรองเท้าสีดำ

สำหรับเรื่องการแต่งกายของนายกรัฐมนตรี หลายคนที่ติดตามจะทราบว่า นายเศรษฐานั้นชอบใส่ถุงเท้าสีสันมาแต่ไหนแต่ไร ซึ่งเจ้าตัวเคยให้สัมภาษณ์เรื่องถุงเท้าสีแดงว่า เป็นแฟนหงส์แดง ลิเวอร์พูล ใส่ถุงเท้าแดงมา 20-30 ปีแล้ว ถุงเท้ามีหลายสีทั้งน้ำเงิน สีฟ้า  สีเขียว สีเหลือง  สีแสดก็มี แต่ที่เห็นใส่ถุงเท้าแดง เพราะชอบสีแดงมากที่สุด 

สำหรับประเด็นดังกล่าวนั้น นายนพดล ปัทมะ สส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ประธานคณะกรรมาธิการต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวในฐานะอดีตรัฐมนตรีต่างประเทศ ว่า ตามที่มีคำวิจารณ์การเดินทางไปต่างประเทศของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ในแง่มุมต่างๆ รวมทั้งใช้เฟกนิวส์ดิสเครดิตนั้น ตนเห็นว่านายกรัฐมนตรีเป็นบุคคลสาธารณะ ประชาชนมีสิทธิวิจารณ์ได้ ซึ่งรัฐบาลคงพร้อมรับฟัง แต่ตนอยากเรียกร้องว่าการด่าทอ ใส่ร้ายนั้นไม่เป็นธรรมต่อผู้ถูกกระทำ ไม่ว่าเป็นนักการเมืองฝ่ายค้านหรือรัฐบาล เฮทสปีชหรือวาทกรรมสร้างความเกลียดชังไม่เอื้อต่อการพัฒนาประชาธิปไตยเลย    

นายนพดล กล่าวต่อว่า เราควรดูเนื้อหางานหรือสารัตถะว่าในการไปเยือน นายกรัฐมนตรีพบปะกระชับความสัมพันธ์กับผู้นำประเทศใดบ้าง เจรจาหาทางดึงเม็ดเงินการลงทุนจากเอกชน หรือสามารถเปิดตลาดในต่างประเทศใดได้บ้าง ซึ่งตนเห็นความมุ่งมั่นตั้งใจของท่านนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลที่ได้กระชับความสัมพันธ์กับผู้นำประเทศต่างๆ พบปะบริษัทยักษ์ใหญ่ชั้นนำระดับโลกและมุ่งเปิดตลาดให้สินค้าและผู้ส่งออกไทย เกือบทุกการเยือนประเทศต่างๆ ส่วนการช่วยเหลือคนไทยในอิสราเอล ภาครัฐก็พยายามประสานช่วยคนไทยเต็มที่      

ทั้งนี้ในสังคมประชาธิปไตย การวิจารณ์เนื้องานหรือนโยบายเป็นเรื่องปกติ เพราะเป็นสาระของบ้านเมือง รัฐบาลคงรับฟังอยู่แล้ว ดีกว่าไปดิสเครดิตกันด้วยเฟกนิวส์หรือวิจารณ์ภาษากายหรือสีของถุงเท้า       

ความเห็นถูกปิด