พ่อนักข่าวเหยื่อมือปืน อัดเดตอาการทั้งน้ำตา บอกหมอขอแบ่งดวงตาข้างนึงให้ลูกชาย
พ่อนักข่าวเหยื่อมือปืน อัดเดตอาการทั้งน้ำตา กระสุนลูกปรายยังฝังในหัว บอกหมอขอแบ่งดวงตาข้างนึงให้ลูกชาย ลั่นอย่าปิดคดีกันง่ายๆ สิ
จากกรณีที่ นายณัฐภัทร บุญชาลี อายุ 28 ปี ผู้สื่อข่าวท้องถิ่นของเมืองพัทยา ถูกมือปืนใช้อาวุธปืนลูกซองสั้น จ่อยิงเผาขน ได้รับบาดเจ็บสาหัส โดยกระสุนลูกซอง ( ลูกปลาย ) กว่า 40 นัด ฝังอยู่ในโหนกแก้ม และ ทำลายลูกตาด้านซ้าย จนสูญเสียการมองเห็น ส่วนตาขวานั้นยังได้รับผลกระทบด้วย
โดยก่อนหน้านี้ 13 ธันวาคม นายขวัญชัย หรือ เป็ก อายุ 32 ปี ผู้ต้องหา ได้ติดต่อเข้ามอบตัว โดยทางญาติกลัวจะถูกรุมประชาทัณฑ์ จึงเดินทางมามอบตัว กับตำรวจ ที่ สภ.บางละมุง จากนั้น พ.ต.อ.นาวิน ธีระวิทย์ ผกก.สภ.เมืองพัทยา มีการสั่งการให้ พ.ต.ท.ฐานานนท์ อธิพันสีห์ รอง.ผกก.สืบสวน สภ.เมืองพัทยา นำกำลังชุดสืบสวนไปควบคุมตัวทันที
นายขวัญชัย ปัจจุบันทำอาชีพขี่รถจักรยานยนต์รับจ้าง ให้การยอมรับ เป็นคนก่อเหตุยิงนักข่าวจริง และ ไม่เคยมีเรื่องขัดแย้ง หรือ รู้จักกันมาก่อน ส่วนปมเหตุมาจากเรื่องการขี่รถจักรยานยนต์ปาดหน้ากัน และ ยังอ้างว่าถูกฝ่ายคนเจ็บแจกของลับ
จากการสอบสวนนายขวัญชัย ให้การรับสารภาพว่าก่อนเกิดเหตุขณะที่ตนและกลุ่มเพื่อนกำลังขี่รถจักรยานยนต์กลับบ้าน เมื่อผ่านมาถึงบริเวณจุดเกิดเหตุระหว่างนั้นได้มีผู้บาดเจ็บ ขี่รถจักรยานยนต์พุ่งพรวดออกมาจากริมทางในลักษณะตัดหน้า จึงบีบแตรส่งสัญญาณเตือน แต่ผู้บาดเจ็บกลับแสดงท่าทีไม่พอใจเบรกรถคล้ายกับจะหาเรื่อง ประกอบกับขณะนั้นตนกำลังอยู่ในอาการมึนเมาจึงขาดสติชักอาวุธปืนออกมายิงใส่ในทันที โดยไม่ทันยั้งคิด ก่อนจะเร่งเครื่องรถหลบหนีไป ยืนยันว่าตนกับผู้บาดเจ็บไม่เคยรู้จักหรือมีเรื่องบาดหมางกันมาก่อน เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเหตุการณ์เฉพาะหน้า ในส่วนเพื่อนที่มาด้วยกันอีกสองคนยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด เรื่องที่เกิดขึ้นตนเป็นคนทำเพียงคนเดียว ส่วนอาวุธปืนที่ใช้ซื้อมาจากเพจขายปืนเถื่อนในราคา 3,500 บาท เพื่อเก็บเอาไว้ใช้ป้องกันตัวยามออกไปเที่ยวกลางคืน เพราะเคยมีอริในเขตเมืองพัทยา
ล่าสุดเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา นายอธิบดี บุญชารี เจ้าของ และ บรรณาธิการข่าว นสพ.อธิปบูรพา พ่อของคนเจ็บ ได้อัดคลิปอับเดตอาการลูกชายว่า ทีมแพทย์ได้เคลื่อนย้ายเข้าไปรักษาตัวในห้อง ไอซียู ศัลยกรรม หอผู้ป่วยศัลยกรรมอุบัติเหตุ อีกครั้งหลังจากออกมาพักรักษาตัวที่ห้องผู้ป่วยรวมได้เพียงไม่กี่ชั่วโมง โดยอาการยังไม่ดีขึ้น กระสุนลูกปลาย จำนวน 5 นัด ยังคงฝังอยู่ในหัวสมอง แต่ไม่กระทบอวัยวะภายในสมอง จึงไม่ได้ทำการผ่าตัดออก ส่วนดวงตาด้านซ้ายนั้นบอดสนิท ใบหน้าด้านซ้ายทำการศัลยกรรมแล้ว แต่ยังคงมีเลือดไหลอยู่ตลอดเวลา ดวงตาด้านขวาทีมแพทย์ได้ทำการรักษาซ่อมแซมส่วนที่เสียหายแล้วแต่ก็ยังมีอาการ 50 : 50 ว่าจะกลับมามองเห็นได้หรือไม่
ขณะที่นายอธิบดี พ่อของคนเจ็บ ได้ปรึกษาหมอหากว่าดวงตาด้านขวาของลูกชายนัันจะบอดสนิทไปอีกข้างจริงๆ ซึ่งจะทำให้ลูกชายนั้น ไม่สามารถใช้ชีวิตในการทำมาหาเลี้ยงชีพและครอบครัวได้ จะให้หมอนั้นทำการปลูกถ่ายดวงตาของตนเอง 1 ข้างไปให้ลูกชายได้มั้ย ซึ่งทางแพทย์ได้ชี้แจงว่าไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ เพราะอาจผิดต่อกฎหมาย ทำให้มีคนเข้าแสดงความคิดเห็นเป็นกำลังใจเป็นจำนวนมาก
ขณะที่บางโพสต์ตัดพ้อถึงการปิดคดีที่รวดเร็วอย่างผิดสังเกต โดยระบุว่า อย่าปิดคดีกันแบบง่ายๆสิ ปืนลูกซองยิงหัวคนนะครับ เค้าออกแบบกันมาแบบนี้ ตำรวจก็อย่ารับมุกสิ ผมขอร้องเรียนให้สอบเพิ่ม 3 ประเด็น 1.ให้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดเพิ่มเติม ก่อนเกิดเหตุ และหลังเกิดเหตุ ว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุ ไปไหนมาบ้าง ไปหาใคร และอยู่กับใคร 2.ทำเรื่องขอเช็คข้อมูลทางโทรศัพท์ ทั้งการโทร เข้า-ออก 1-2 เดือน และข้อมูลแผนที่ทางโทรศัพท์ (GPS) ว่าก่อนเกิดเหตุ กลุ่มผู้ก่อเหตุ ไปไหนมาบ้าง และอยู่กับใครมาบ้าง ทั้งก่อนเกิดเหตุ และหลังเกิดเหตุ 3.ให้เช็คทางบัญชีการเงิน ว่ามีเงินเข้ามากกว่าปกติ ของการประกอบอาชีพ จยย.รับจ้าง หรือปล่าว ผมขอ 3 ประเด็น นี้ครับ ถ้าตำรวจทำไม่ได้ เอาโทรศัพย์มือยิง มาให้ผม ผมจะเช็คให้ดู
ความเห็นถูกปิด